FBS คือ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย โบรกเกอร์นี้ได้มีการรุกและทำกิจกรรมทางการตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพราะมีพาร์ทเนอร์คนไทยเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เป็นที่รู้จักอย่างมากสำหรับประเทศไทย
ปัจจุบันมีโบรกเกอร์ Forex มากมายให้เลือก และต่างก็มีข้อเสนอในการเทรดแตกต่างกันออกไป พร้อมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ไม่ว่าในการเทรดฟอเร็กซ์หรือแม้กระทั่งเงื่อนไขของโบนัสที่ให้ การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ตรงกับความต้องการเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพื่อให้เข้ากับสไตล์การเทรดของแต่ละเทรดเดอร์ รวมถึงความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์เพื่อความปลอดภัยทางการเงิน

FBS ได้ให้บริการให้เทรด Forex และ CFDs สำหรับเทรดเดอร์ มีประเภทบัญชีหลากหลายสำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นขึ้นไปด้วยบัญชีแบบ Cent ที่เริ่มฝากเทรดตั้งแต่ 1 ดอลลาร์ จนไปถึงขั้นระดับเทรดเดอร์มืออาชีพด้วยบัญชี ECN มีกิจกรรมและโปรโมชั่นสำหรับเทรดเดอร์มากมายและต่อเนื่อง โดยเป็นกิจกรรมที่เกิดจากการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเพื่อทำการขยายตลาด
FBS คืออะไร
โบรกเกอร์ FBS ตั้งขึ้นเมื่อปี 2009 ในเบลีช มีสำนักงานในประเทศจีน มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย จอร์แดน เวียดนาม และรัสเชีย ให้บริการเทรด Forex CFDs, stocks และ metals ด้วยแพลตฟอร์ม Metatrader 4/5 หน้าเว็บไซต์มี 18 ภาษา มีเทรดเดอร์กว่า 16 ล้านคน และมีพาร์ทเนอร์กว่า 170,000 รายจากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก
โบรกเกอร์ FBS ใช้รูปแบบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เป็นแบบผสมระหว่าง STP (Straight Through Processiing) และ ECN (Electronic Communications Network) ไม่มี NDD (No Dealing Desk) เพราะทางโบรกเกอร์ต้องการทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าออเดอร์ที่เปิดหรือจัดการส่งตรงไปที่ผู้ให้บริการ liquidity เพราะจะทำให้ลูกค้าได้ราคาตลาดจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการ requotes เมื่อเปิดเทรด โบรกเกอร์ FBS ได้รับใบอนุญาตดำเนินจาก IFSC และ CySEC

ข้อดีของโบรกเกอร์ FBS
- ให้ Leverage ถึง 3000: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ใช้ประโยชน์จากเรื่อง leverage เป็น เพื่อให้ได้ผลกำไรที่มากขึ้นในการเทรดจากทุนน้อยได้
- การเปิดเทรดหรือจัดการออเดอร์เร็ว
- เปิดบัญชีเดโมได้ทุกประเภทบัญชี: ให้ลูกค้าสามารถทดสอบกลยุทธ์เทรดในแต่ละบัญชีได้
- สำหรับคนไทยสามารถฝากถอนผ่านธนาคารออนไลน์ในประเทศได้เลย โดยมีให้เลือกมากถึง 9 ธนาคาร

ข้อเสียของโบรกเกอร์ FBS
- การฝากถอนมีค่าธรรมเนียม: โดยส่วนตัวผมคิดว่าน่าจะกำหนดขั้นต่ำไว้ แต่ถ้าเกินจากขั้นต่ำก็ไม่ต้องคิดค่าธรรมเนียม
- สินค้าให้เทรดมีจำกัด: ตัวอย่างเช่น บัญชี ECN มีให้เทรดแค่ฟอเรกจำนวน 25 คู่เงินเองอย่างอื่นไม่มีเลย
- Leverage สูงไปถึง 3000: บางเทรดเดอร์อาจไม่ชอบเพราะเป็นการเสี่ยงมากเกินไป (แต่การใช้ leverage ที่ดี ต้องเข้าใจออเดอร์ที่เปิดด้วยว่าเทรดอย่างไร)
ความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ FBS
โบรกเกอร์ FBS รายงานที่เว็บไซต์หลักว่ามีเทรดเดอร์กว่า 16 ล้านคน และมีพาร์ทเนอร์กว่า 170,000 รายจากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก โดยในประเทศไทยมีกิจกรรมให้ความรู้และดูแล้วคนไทยต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ที่เข้ามาทำตลาด มีพารทเนอร์หรือไอบีที่เป็นชาวไทยมากมายที่ช่วยกันผลักดันตลาด อีกทั้งมีช่องทางการฝากถอนมากมายที่ใช้กับธนาคารไทยได้เลย บอกได้ถึงความน่าเชื่อถือในประเทศเป็นอย่างดี พร้อมทั้งโบรกเกอร์เองก็ได้รับใบอนุญาตในการดำเนินการธุรกิจทั้งจาก IFSC และ CySEC
การจดทะเบียนองค์กรควบคุมของโบรกเกอร์ FBS
- ได้รับใบอนุญาตดำเนินการจาก CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ของไซปรัส
- ได้รับใบอนุญาตดำเนินการจาก IFSC (International Financial Services Commission) ของเบลีซ
- ได้รับใบอนุญาตดำเนินการจาก ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ของออสเตรเลีย
เกี่ยวกับค่าบริการการซื้อขายกับ FBS (สเปรด คอมมิชชั่น)
วิธีการดูต้นทุนการเทรดก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่ารายได้ของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์มาจากไหน รายได้หลักๆ ของโบรกเกอร์มาจาก ต้นทุนการเทรดหรือ trading transactions และมีการแต่งสเปรดประกอบด้วย ดังนั้นค่าคอมมิชชั่นสำหรับการเทรดอาจเอารวมไปที่จุดเดียวกับสเปรดหรือไม่ก็ได้แล้วแต่วิธีการของโบรกเกอร์
เลยทำให้เกิดบัญชีเทรดแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น และแบบมีค่าคอมมิชชั่น ส่วนมากที่มีค่าคอมมิชชั่นก็ได้ราคาจากตลาดหรือ liquidity providers โดยตรงทำให้สเปรดน้อย ต้นทุนอีกอย่างที่เทรดเดอร์ต้องแบกรับเองสำหรับทุกประเภทบัญชีถ้ามีการถือออเดอร์ข้ามวันเป็นค่า SWAP ถ้าไม่ใช่บัญชี SWAP-Free โดยที่โบรกเกอร์ FBS ได้แบ่งประเภทบัญชีออกเป็น
- บัญชี Cent เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่เพิ่งเริ่มทรด สเปรดเริ่มที่ 1 pip
- บัญชี Micro แบบ Fixed spread เริ่มที่ 3 pip แล้วแต่คู่เงิน
- บัญชี Standard รวมต้นทุนการเทรดมาอยู่ที่จุดเดียวคือสเปรด เริ่มต้นที่ 0.5 pip
- บัญชี Zero Spread แม้สเปรดเป็น 0 แต่ต้นทุนการเทรดไปตกอยู่ที่ค่าคอมมิชชั่น เริ่มต้นที่ 20 ดอลลาร์ต่อ 1 ลอต
- บัญชี ECN สเปรดน้อย (ผันผวนตามราคาตลาด) ต้นทุนไปตกอยู่ที่ค่าคอมมิชชั่น
โดยบัญชี Cent, Micro, Standard จะไม่มีค่าคอมมิชชั่น เพราะต้นทุนการเทรดจะไปรวมอยู่ที่สเปรดทั้งหมด เริ่มที่ 1 pip สำหรับ Cent, 3 pip สำหรับ Micro และ 0.5 pip สำหรับ Standard ส่วนบัญชี Zero Spread แม้จะมีการกำหนดแบบล็อคสเปรดที่ 0 บีบ แต่พอมาดูต้นทุนคือตั้งแต่ 20 ดอลลาร์ต่อล็อต ตรงส่วนที่เป็นค่าคอมมิชชั่นถือว่าค่อนข้างสูง
ขณะที่บัญชี ECN แม้ leverage สูงสุดแค่ 500 แต่ต้นทุนการเทรดอยู่แค่ 6 ดอลลาร์ต่อลอต เมื่อเทรดเทียบกับ Zero Spread ที่เปิดล็อต 1.00 (จะเห็นว่าแม้เรื่องสเปรดจะน้อย สำหรับบัญชี Zero Spread และ ECN แต่การคิดต้นทุนการเทรดท่านต้องดูให้เป็น) เพราะยิ่งถ้าท่านเทรดมากต้นทุนการเทรดก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าต้นทุนแต่ละออเดอร์ที่เปิดเทรดนั้นสูง
บทสรุป รีวิว FBS
FBS เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่รู้จักกันดีในประเทศไทยเพราะมีพาร์ทเนอร์เข้าร่วมเยอะช่วยกันขยายฐานลูกค้า มีโปรโมชั่นต่อเนื่อง ขั้นตอนในการเปิดบัญชีเทรดก็ง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ประเภทบัญชียังได้ออกแบบสำหรับเทรดเดอร์ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นด้วยบัญชี Cent และ Micro และใช้แพลตฟอร์มสำหรับเทรดที่เป็นที่นิยมสำหรับเทรดเดอร์รายย่อยคือ Metatrader 4 และ 5
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องสินค้าที่ให้เทรดยังมีจำนวนจำกัด และยิ่งบางประเภทบัญชีเช่น ECN จำกัดให้เทรดได้แค่ฟอเรก 25 คู่เงินเท่านั้น และอีกอย่างบัญชี Zero Spread
แม้ว่าสเปรดที่เห็นจะเป็น 0 ก็จริงแต่ค่าคอมมิชชั่นกลับสูง ตัวอย่างเช่น กรณีการเปิดเทรดฟอเรกซ์เทียบกับบัญชี ECN เมื่อเปิดคู่เงินเดียวกัน ล็อตเท่ากัน กลับกลายเป็นว่ามีต้นทุนการเทรดที่สูงกว่าบัญชี ECN มาก (เช่น EURUSD เปิดที่ 1.00 ต้นทุนบัญชี Zero อยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อออเดอร์ ขณะที่ต้นทุนของบัญชี ECN อยู่ที่ 6 ดอลลาร์ต่อออเดอร์ + ต้นทุนที่มาจากสเปรดเท่านั้นเอง) ส่วนเรื่องฝากถอนถือได้ว่าง่ายมากเพราะสามารถผ่านธนาคารไทยออนไลน์ได้เลย
ขั้นตอนสมัคร เปิดบัญชี ฝาก-ถอน
การสมัครสมาชิกกับโบรกเกอร์ FBS
การเลือกเปิดบัญชีกับ FBS
1. คลิ๊กที่นี่เปิดหน้าหน้าเว็บไซต์ FBS ขึ้นมาเปลี่ยนภาษาให้เป็นเว็บแสดงผลเป็นภาษาไทยให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวกในการกรอกแบบฟอร์มต่างๆ จากนั้นเลือกคลิกที่เปิดบัญชีปุ่มสีเขียวๆตามภาพเลย
2. เมื่อเราคลิกเข้ามาแล้วจะเจอหน้าต่างให้กรอกรายละเอียดการเปิดบัญชีสมาชิกตามในภาพ
ในช่องแรกให้เราเลือกเลยว่าเราจะเลือกสมัครบัญชีแบบไหน โดยถ้าเลือกบัญชี
- Cent (ขั้นต่ำการฝากเงินอยู่ที่ 1 $) เงินภายในบัญชีของเราจะถูกใช้เป็นหน่วย USC (100 USC = 1 USD) ซึ่งบัญชีเซนต์นี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีทุนน้อยๆเช่น ถ้าเราฝากเงินเข้าไป 1 $ ก็จะมีเงินในบัญชีถึง 100 USC เลยทีเดียว ทำให้เราสามารถจัดการพอร์ตลงทุนได้ง่ายดายขึ้นมาก
- ส่วนถ้าใครมีทุนหนาขึ้นมาหน่อยให้เราเลือกเปิดบัญชี Mini (ขั้นต่ำในการฝากเงินอยู่ที่ 5 $)
- หรือ Standard (ขั้นต่ำในการฝากเงินอยู่ที่ 100 $)ได้เลย
- ส่วนบัญชีชนิดอื่นๆ นั้นจะเป็นของนักเทรดมืออาชีพที่มีทุนเยอะๆตั้งแต่ 500 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐไปจนถึงหลักหมื่นเหรียญกันเลยทีเดียว ซึ่งเราจะยังไม่พูดถึงดีกว่าเพราะดูจะห่างไกลมากอยู่เหมือนกันสำหรับมือใหม่อย่างเราๆ แต่สามารถดูความแตกต่างได้ตามภาพด้านล่าง
เปรียบเทียบระหว่างบัญชีเทรดในแต่ละประเภท
จากนั้นให้ใส่ชื่อ-นามสกุล และอีเมลล์ที่สามารถใช้งานได้จริงให้เรียบร้อย ย้ำอีกซักครั้งว่าต้องใช้งานได้จริงๆเพราะทางโบรกเกอร์จะให้เรายืนยันตัวตนด้วยอีเมลล์ที่ใช้สมัครในภายหลัง หลังจากกรอกรายละเอียดต่างๆครบหมดแล้วรวมถึงคลิกยอมรับเงื่อนไข (ส่วนนี้ควรเข้าไปอ่านเงื่อนไขต่างๆ ก่อน) ให้เราไปสู่ขั้นตอนต่อไปด้วยปุ่มเปิดบัญชีสีเขียวได้เลย
3. ทางโบรกเกอร์จะสร้างรหัสผ่านชั่วคราวมาให้เราใช้ไปก่อนนะคะโดยจะสุ่มมาเป็นตัวอักษรมั่วๆตามที่เห็นในภาพ แต่เราสามารถตั้งค่ารหัสใหม่ได้ในขั้นตอนนี้เลย โดยควรตั้งให้ตัวเราเองจำได้ด้วยหรือถ้าบันทึกเก็บไว้ด้วยเลยจะดีมาก แต่ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด
หลังจากที่เราตั้งค่ารหัสผ่านเสร็จหมดแล้วทางระบบจะให้ข้อมูลแบบนี้มาให้ ต้องแคปภาพเก็บไว้เลย ห้ามทำหายเด็ดขาดเพราะระบบจะแสดงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
4. เรียบร้อยไปหนึ่งสเต็ป หลังจากนี้ให้เราเข้าไปตรวจสอบจดหมายที่ทางโบรกเกอร์ส่งไปให้เราในอีเมลล์ที่ใช้สมัครเมื่อสักครู่ เพื่อคลิกยืนยันตัวตนตามลิงค์ที่ให้มา
5. หลังจากเข้าลิงค์มาจะมีที่อยู่ให้ตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าขึ้นว่าราชอณาจักรไทยก็หมายถึงว่าถูกต้องแล้วให้กดที่ข้อมูลถูกต้องเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ในขั้นตอนการยืนยันอีเมลล์
6. นอกจากยืนยันอีเมลล์แล้วเรายังต้องยืนยันเบอร์มือถือและยืนยันตัวตนจากเอกสาร ซึ่งเราก็สามารถเข้าสู่หน้ายืนยันได้ง่ายมากๆเพราะจะมีแถบสีเขียวใหญ่ๆ แบบนี้ขึ้นมาในหน้าแดชบอร์ดสมาชิกอยู่แล้ว โดยเอกสารที่จะต้องอัพโหลดก็ได้แก่บัตรประชาชน (สแกนชัดๆ) หรือถ้าใครใช้มือถือถ่าย ต้องให้ถ่ายชัดๆ แล้วตัดเอาฉากหลังทิ้งไปให้เหลือแต่ตัวเอกสาร จะช่วยให้ยืนยันผ่านง่ายขึ้น
ง่ายมากๆเลยใช่มั๊ยล่ะครับ กับการสมัครสมาชิกเปิดบัญชีลงทุน เพียงเท่านี้เราก็มีบัญชีโฟเร็กซ์ FBS ไว้สำหรับเทรดกันแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่ฝากเงินเข้าสู่บัญชีเทรด และดาวน์โหลดโปรแกรมเทรดอย่าง MT4มาติดตั้งลงในเครื่อง จากนั้นเราก็สามารถเริ่มต้นเทรดได้เลย ขอให้สนุกกับการลงทุน
การฝากเงินเข้าสู่บัญชี FBS เพื่อเริ่มต้นเก็งกำไร
วิธีการฝากเงินเข้า
หลังจากทำการสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ให้เราทำการฝากเงินเข้าสู่โบรคเกอร์ FBS เพื่อเริ่มต้นทำกำไรได้เลย สำหรับบทความนี้เราจะยกตัวอย่างการฝากเงินผ่านการโอนจากธนาคารไทยยอดนิยมอย่าง ธนาคารไทยพาณิชย์
1.หลังจากที่เราและทำการล็อคอินเข้าสู่เว็บไซต์ www.FBS.com เรียบร้อยแล้ว จะพบหน้าต่างแบบนี้ครับ ให้เราคลิก “ฝากเงินเข้าสู่บัญชี” ทางด้านบนขวาตามภาพได้เลย
2.จากนั้นระบบจะพาเราเข้ามาสู่ขั้นตอนเลือกวิธีฝากเงิน ซึ่งก็อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า ในบทความนี้เราจะฝากเงินโดยการโอนผ่านทางธนาคารไทยพาณิชย์ ฉะนั้นให้เราคลิกเลือกไทยพาณิชย์เลยครับ แต่ถ้าใครที่มีอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งของธนาคารอื่นๆ ก็สามารถดูตามได้เหมือน เพราะขั้นตอนการฝากเงินจะเหมือนกันทุกอย่างเลย ต่างกันแค่ขั้นตอนการโอนเงินผ่านระบบของธนาคารเท่านั้นเอง
3.เมื่อเลือกช่องทางการโอนแล้วระบบจะขึ้นข้อความถามว่าเราทำการโอนไปหรือยัง ในกรณีนี้คือเราเพิ่งเลือกบัญชีไปเมื่อสักครู่ ยังไม่ทันได้โอนเลย เพราะฉะนั้นให้เรากดปุ่มล่างครับ
4.ระบบจะแสดงเลขบัญชีขึ้นมาตามภาพด้านล่าง ซึ่งเป็นบัญชี SCB ของทางโบรกเกอร์ที่เราจะต้องทำการโอนเข้าไป หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งหมดแล้วให้ คลิก เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อทำการโอนเงินตามเลขบัญชีที่แสดงเมื่อครู่ได้เลย สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราโอนเงินเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมแคปหลักฐานการโอนเอาไว้ด้วยนะครับ เพราะเราจะต้องใช้ในขั้นตอนต่อไป หรือถ้าใครสะดวกโอนผ่านทางบัตร ATM ก็สามารถทำได้เหมือนกันครับ โดยให้ถ่ายสลิปเก็บไว้
5.เมื่อทำการโอนเงินเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วให้เข้าไปยังหน้าฝากเงินและเลือกฝากผ่านธนาคารไทยพาณิชย์อีกครั้งครับ แต่คราวนี้ให้เราเลือกปุ่มแรกแทนได้เลย (I made deposit already)
6.เลือกช่องทางที่เราใช้โอนเงินเมื่อครู่
7.มาถึงส่วนนี้ควรกรอกให้ครบ เราโอนเงินเข้ามาเท่าไหร่ จะฝากเข้าบัญชีไหน และวันที่โอนเงินเข้ามา สุดท้ายอย่าลืมอัพโหลดหลักฐานที่ให้ถ่ายเก็บไว้เมื่อครู่ให้ทางโบรกเกอร์ด้วยครับ
จบแล้วครับขั้นตอนการฝากเงินเข้าโบรกเกอร์ ทีนี้ก็แค่รอเงินเข้าระบบ ซึ่งถ้าทำการฝากผ่านธนาคารจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการเท่านั้นเอง แต่ส่วนใหญ่วันเดียวก็เข้าแล้ว แต่ถ้าใครเลือกฝากผ่านธนาคารอิเล็กทรอนิค เช่น Skrill ก็จะได้รับเงินเข้าระบบในทันที แต่มีข้อเสียคือ ค่าธรรมเนียมอาจจะแพงกว่าหน่อยครับ
การถอนเงินเข้าสู่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์
1.สำหรับการถอนจะคล้ายๆการฝากเลยครับ ให้เราเข้ามาหน้าฝากเงินเหมือนเดิมเลย แต่ในหน้าเลือกช่องทางการฝากเงินนั้น ดูดีๆจะมีเมนูถอนเงินแอบอยู่ตัวเล็กๆด้านบน ให้เราคลิกเข้าไปเลยค่ะ จากนั้นเลือกถอนเงินผ่านทางธนาคารไทยพาณิชย์เหมือนเดิม แอบส่องดูใกล้ๆจะเห็นตัวหนังสือจางๆว่า รับเงินภายใน1-2วันทำการ รวดเร็วทันใจดีจริงๆครับ
2.ขั้นตอนนี้ออกจะระเอียดไปนิดนึง แต่ต้องกรอกให้ครบทุกช่อง และตรงตามความจริง เพราะเป็นรายละเอียดบัญชีที่ทางโบรกเกอร์จะโอนเงินเข้ามา แล้วก็ขอย้ำนิดนึงว่า ชื่อบัญชีนั้นจะต้องตรงกับชื่อในเอกสารที่ใช้ยืนยันตัวตนกับทางโบรกเกอร์ไปเท่านั้น ไม่งั้นจะถอนไม่ได้ครับ
3.ใส่ข้อมูลให้ครบทุกช่องครับ อย่าลืมตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนกดยืนยันการถอนเงินนะครับ เพื่อป้องกันความผิดพลาด
4.ระบบจะสรุปแบบให้เราตรวจสอบความถูกต้อง ถ้าเรียบร้อยแล้วให้เราคลิกรับพาสเวิร์ดยืนยันการถอน โดยทางระบบจะส่งมาให้เราทางอีเมลล์ที่เราใช้ในการสมัคร
5.นำรหัสที่ได้รับในอีเมลมาใส่ให้เรียบร้อย แล้วกดปุ่มยอมรับ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็แค่นั่งรอเงินโอนเข้าสู่บัญชีธนาคารประมาณ 1-2วันทำการเท่านั้นเองครับ