วิธีปิด Windows Defender ชั่วคราวบน Windows 10


ปิด Windows Defender แบบถาวรใน 5 วิธี บน Windows 10

โดยปกติแล้วถ้าเราทำการติดตั้ง Windows 10 เสร็จเรียบร้อย ตัวโปรแกรม Windows Defender ก็จะเริ่มการทำงานโดยอัตโนมัติในทันที ทั้งนี้ก็เพื่อทำการปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณให้ปลอดมัลแวร์นั่นเอง แต่สำหรับบางคนที่มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ชื่นชอบอยู่แล้วและอยากที่จะใช้งานเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น เพื่อไม่ส่งผลทำให้โปรแกรมจำพวกโปรแกรมแสกนไวรัสไปกินทรัพยากรเครื่องจนทำงานได้ช้าลง ก็เลยอยากที่จะ ปิด windows defender ไปซะ หรือในบางคนที่ต้องการ ปิด windows defender windows 10 ก็เพื่อไม่ให้ขณะดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ เช่น ไฟล์เกม , หนัง , เพลง หรือไฟล์ที่มีลิขสิทธิต่างมาลงเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วถูกซ่อนจนต้องหา โปรแกรมแก้ไวรัสซ่อนไฟล์ windows 10 มาใช้งานให้วุ่นวาย ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 5 วิธีที่จะมาแนะนำการ ปิด windows defender windows 10 แบบถาวรกันไปเลย

1. วิธีปิดแอนตี้ไวรัส Windows 10 ด้วย Group Policy

การ ปิด windows defender ทำได้โดยง่าย อีกทั้งยังมีให้เลือกใช้หลากหลายวิธีการตามที่คุณสะดวกแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณไม่รีบหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอื่นๆมาลงไว้แล้วละก็ อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเสี่ยงที่จะถูกมัลแวร์โจมตีได้จากการที่คุณไม่มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสนั่นเอง


  • ปิด windows defender ด้วย Group Policy โดยเริ่มจาก พิมพ์ข้อความ msc ลงในช่อง RUN (เรียกใช้งาน RUN ได้โดยการกดปุ่ม Windows Key+R)
  • หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าต่าง Local Group Policy Editor ขึ้นมาแล้วก็ให้ไปยัง Computer Configuration > Administrative Templates > Windows Components > Windows Defender ตามลำดับ
  • ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ “Turn off Windows Defender” ทางด้านขวามือ
  • เมื่อหน้าต่าง Turn off Windows Defender เปิดขึ้นมาแล้ว ก็ให้ทำการเลือกไปที่ “Enable”
  • จากนั้นกด Apply หรือ OK หน้าต่างก็จะปิดลงไป แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์แล้ว

2. วิธีปิดแอนตี้ไวรัส Windows 10 ด้วย Windows Registry

  • ปิด windows defender ด้วย Windows Registry โดยเริ่มจาก พิมพ์ข้อความ exe ลงในช่อง RUN (เรียกใช้งาน RUN ได้โดยการกดปุ่ม Windows Key+R)
  • หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าต่างขึ้น ให้เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE \ SOFTWARE \ Policies \ Microsoft \ Windows Defender ตามลำดับ
  • ที่ช่องขวามือ ปกติจะไม่มีคีย์ใดๆอยู่ยกเว้น (Default) ให้ทำการสร้างคีย์ใหม่ชื่อ DisableAntiSpyware ขึ้นโดยทำการคลิ๊กขวาเลือก New > DWORD (32-bit) Value แล้วตั้งชื่อเป็น DisableAntiSpyware
  • ดับเบิ้ลคลิ๊กคีย์ที่สร้างขึ้นมาอีกครั้ง ให้เป็นค่าในช่อง Value data: จากเลข ” 0 ” เป็นเลข ” 1 ” แล้วกด OK
  • รีสตาร์ทเครื่องใหม่ก่อนเริ่มใช้งาน

3. วิธีปิดแอนตี้ไวรัส Windows 10 ด้วย Task Scheduler

  • ปิด windows defender ด้วย Task Scheduler โดยเริ่มจาก พิมพ์ข้อความ msc ลงในช่อง RUN (เรียกใช้งาน RUN ได้โดยการกดปุ่ม Windows Key+R)
  • หลังจากนั้นจะปรากฏหน้าต่างขึ้น ให้ไปที่เมนูด้านซ้ายเข้าไปที่ Task Scheduler Library > Microsoft > Windows > Windows Defender ตามลำดับ
  • สังเกตทางขวามือ ดับเบิ้ลคลิ๊กหรือคลิ๊กขวาที่หัวข้อ Windows Defender Scheduled Scan แล้วเลือก Properties
  • ที่แท็บ Conditions ให้ติ๊กถูกหน้าหัวข้อ Start the task only if the computer is idle for: แล้วกำหนดจำนวนชั่วโมงให้เยอะที่สุดเพื่อจะได้ไม่ถูกเรียกการใช้งาน windows defender โดยระบบ อีกต่อไป


4. วิธีปิดแอนตี้ไวรัส Windows 10 จากโลโก้ Windows แบบที่ 1

ปิด windows defender จากโลโก้ Windows ด้วยวิธีนี้จะถาวรแค่ตอนที่คุณเปิดใช้งานตลอดทั้งวัน แต่ Windows Defender จะเปิดตัวเองกลับมาทุกครั้งที่คุณรีสตาร์ทคอมคอมพิวเตอร์ โดยอาจจะต้องหา โปรแกรมแก้ไวรัสซ่อนไฟล์ windows 10 มาใช้ประกอบด้วย

  • เริ่มจากคลิ๊กโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนู Start จะโผล่ขึ้นมา
  • คลิ๊กไอคอน Settings ซึ่งเป็นรูปฟันเฟืองอยู่ที่ทางด้านซ้ายล่างของเมนู Start เพื่อทำการเปิดหน้าต่าง Settings
  • เลือก Update & Security ในแถวล่างสุดของตัวเลือก Settings
  • เลือก Windows Security
  • เลือก Virus & threat protection
  • เลือก Virus & threat protection settings
  • คลิ๊กสวิตช์ “On” สีฟ้าเพื่อทำการปิด (disable) Windows Defender ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์แล้ว

5. วิธีปิดแอนตี้ไวรัส windows 10 จากโลโก้ Windows แบบที่ 2

  • ปิด windows defender จากโลโก้ Windows ทำได้โดยคลิ๊กโลโก้ Windows ที่อยู่ตรงมุมซ้ายล่างของหน้าจอ แล้วเมนู Start จะโผล่ขึ้นมาโดยอัติโนมัติ
  • เปิด Registry Editor. โดยโปรแกรม Registry Editor จะช่วยให้คุณเปลี่ยนฟีเจอร์หลักของคอมได้นั้นเอง วิธีการเปิดก็คือ
  1. พิมพ์ regedit
  2. เลือกไอคอน regedit สีฟ้า ด้านบนของเมนู Start
  3. เลือก Yes
  • ไปยังตำแหน่งที่มีโฟลเดอร์ Windows Defender. โดยขยายแต่ละโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้อง ทางซ้ายของ Registry Editor
  • คลิ๊กโฟลเดอร์ “Windows Defender” 1 ครั้ง จะเห็นเมนูขยายลงมา
  • เลือก ทางด้านบนของเมนูที่ขยายลงมา แล้วเมนูจะโผล่ขึ้นมา
  • คลิ๊ก DWORD (32-bit) Value. ที่เป็นตัวเลือกในเมนูที่โผล่มา แล้วจะมีไฟล์สีฟ้าขาวโผล่มาในหน้าต่าง “Windows Defender” ทางขวาของหน้า
  • พิมพ์ชื่อไฟล์ว่า “DisableAntiSpyware”. พอไฟล์ DWORD โผล่มา ให้พิมพ์ DisableAntiSpyware แล้วกด Enter
  • เปิดไฟล์ DWORD ชื่อ “DisableAntiSpyware”. โดยดับเบิลคลิก แล้วหน้าต่าง pop-up จะโผล่มา
  • เปลี่ยนเลขใน “Value data” เป็น เพื่อเพิ่มค่า DWORD ขึ้นมา
  • เลือก ok
  • รีสตาร์ทคอมเพื่อเริ่มทำงานใหม่ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว

ข้อสรุป

โปรแกรมป้องกันไวรัสของ Microsoft Defender จะเริ่มปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากภัยคุกคามซอฟต์แวร์อย่างไวรัส มัลแวร์ และสปายแวร์ที่พบในอีเมล แอป ระบบคลาวด์ และเว็บไซต์ หรือจากการดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆตามแหล่างที่มาที่เมื่อทำการตรวจสอบแล้วดูไม่น่าปลอดภัยทันทีตั้งแต่คุณเริ่มทำการติดตั้ง Windows 10 ลงบนคอมพิวเตอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทาง  windows defender นั้นมีคุณสมบัติที่ก็จะทำการบล็อกไม่ให้สามารถทำงานได้ในทันทีที่ตรวจเจอไวรัส แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการดาวน์โหลดไฟล์เกม , หนัง , หรือโปรแกรมที่ต้องโดเนทจากเว็บที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์ก็อาจจะมีความหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เพราะหาก windows defender ยังคงทำงาน คุณก็จะไม่สามารดาวน์โหลดหรือติดตั้งโปรแกรมนั้นๆได้ตามใจชอบ หรือในกรณีที่คุณมีตัวแสกนไวรัสที่ชื่นชอบอยู่แล้ว และอยากจะใช้เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น เพราะเกรงว่ามันจะกินทรัพยากรของเครื่องคุณมากเกินไปจนทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ช้า ก็เลยอยากที่จะปิดการทำงานของ windows defender นี้ไปซะ

ดังนั้น จากหลายๆเหตุผลที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นนี้ การที่คุณจะทำการ ปิด windows defender แบบถาวรไปเลย ก็จะยิ่งช่วยให้การทำงานในรูปแบบที่คุณต้องการบนคอมพิวเตอร์นั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  อีกทั้งยังสามารถตามใจคุณได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ทำให้คุณแฮปปี้กับการเล่นคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะดูหนัง , ฟังเพลง ,หรือโหลดเกมโหลดไฟล์ต่างๆก็ทำได้หมดโดยไม่ถูกซ่อนไฟล์หรือลบหายไปเพราะ windows defender เกิดตรวจจับเพราะรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยต่อคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยคุณจะสามารถพิจารณาเองได้อีกทีว่าควรจะให้ไฟล์ที่คุณโหลดมาอยู่บนคอมพิวเตอร์ดีหรือไม่




แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า